Esta página pode conter conteúdo de terceiros, que é fornecido apenas para fins informativos (não para representações/garantias) e não deve ser considerada como um endosso de suas opiniões pela Gate nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Isenção de responsabilidade para obter detalhes.
Investir em ouro para 2568: funciona ou não? Análise aprofundada das oportunidades e riscos
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลก ทองคำยังคงดึงดูดสายตานักลงทุน โดยเฉพาะหลังจากที่ ราคาทองคำไปถึงสถิติสูงสุด 2,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจอย่างชัดเจนว่าการลงทุนทองคำในปี 2568 น่าสนใจหรือไม่
สมควรซื้อทองหรือไม่ มองจากมุมมองของสถาบันการเงินชั้นนำ
เพื่อตัดสินใจได้ดี ลองดูความเห็นของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกก่อน
Goldman Sachs เตรียมคาดการณ์ว่าทองคำมีศักยภาพแตะ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ปลายปีนี้ โดยเหตุผลหลักคือความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลกยังแข็งแกร่ง และความเสี่ยงทางการเมืองโลกยังสูง
J.P. Morgan มีทัศนะค่อนข้างเหมาะสม แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงจะกดดันในระยะใกล้ แต่การคาดหวังว่า Fed จะลดอัตราในช่วงแรกของปี 2568 ร่วมกับความต้องการจากธนาคารกลาง จะเป็นแรงสนับสนุนให้ราคาขึ้น
FX Empire นักวิเคราะห์ AG Thorson มีมุมมองมากที่สุด หากสถานการณ์ความตึงเครียดทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น หรือเศรษฐกิจชะลอตัว ทองคำอาจทะยานถึง 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในปีหน้า
อะไรขับเคลื่อนราคาทองคำให้พุ่งขึ้น
ราคาทองคำไม่ได้สูงขึ้นด้วยเหตุผลเดียว แต่มาจากหลายปัจจัยรวมกัน
การซื้อของธนาคารกลาง เป็นแรงหลัก โดยในไตรมาสแรก ปี 2567 มีการซื้อทองคำสุทธิถึง 290 ตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยประจำไตรมาส 36% จีน อินเดีย และตุรกีนำทีมผู้ซื้อรายใหญ่ เป็นพยายามลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยจีนเพิ่มสัดส่วนจาก 1,900 ตันเป็นกว่า 2,500 ตัน ขณะที่อินเดียวางแผนเพิ่มจาก 7% เป็น 10% ของทุนสำรองภายในปี 2025
ความตึงเครียดในโลก จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงต่อเนื่อง ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนหันมาหลบภัยในทองคำ
นโยบายอัตราดอกเบี้ย การคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราในช่วงแรกของปี 2568 ทำให้ทองคำ ซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ย กลับมาน่าสนใจขึ้น อัตราที่ต่ำลง ยังช่วยทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และเป็นปัจจัยบวกต่อราคา
เงินเฟ้อและความกังวลทางเศรษฐกิจ การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ และแนวโน้มเงินเฟ้อยังสูง เป็นสาเหตุให้นักลงทุนมองทองคำเป็นเงินป้องกัน
ดูจากกราฟราคา ทองคำจะขึ้นต่อไปหรือเปล่า
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำมีแนวรับสำคัญที่ 2,447 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน) และแนวต้านที่ 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ความจริงที่ว่าราคายังคงอยู่เหนือแนวรับ แสดงว่า แนวโน้มขึ้นยังมีความต่อเนื่อง
แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ราคาพักตัวลงมา หลังทดสอบจุด 2,800 ดอลลาร์ แต่ดัชนี RSI บ่งชี้ว่าตลาดไม่ได้ซื้อมากเกินไปนัก มีอีกโอกาสให้ราคาปรับสูงขึ้นได้ ดัชนี MACD เข้าใกล้เส้น Zero Line และหากสามารถยืนเหนือได้ จะยืนยันแนวโน้มขาขึ้นต่อ ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงราคาปรับสูงนั้นเป็นสัญญาณดี แสดงว่านักลงทุนเชื่อมั่นในการขยับขึ้นต่อ
เข้าซื้อทองเมื่อไหร่ดี สำหรับให้ได้ผล
ระยะเวลาการถือครอง มีความสำคัญ สำหรับการลงทุนระยะยาว (3-5 ปีขึ้นไป) ทองคำช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี เนื่องจากเคลื่อนตัวสวนทางกับหุ้น แต่ถ้าเป็นระยะสั้น (6 เดือน - 1 ปี) ต้องระมัดระวังความผันผวน และมีแผนจุดเข้า-ออกที่ชัดเจน
สัดส่วนการลงทุน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ประมาณ 5-10% ของพอร์ตทั้งหมด ตัวอย่างเช่น หากมีเงิน 1 ล้านบาท ควรลงทุนทองคำ 50,000-100,000 บาท ไม่ควรเกิน 15-20% เพื่อรักษาสมดุล
จุดเข้าซื้อ จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค การซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงมาใกล้ 2,447 ดอลลาร์ (แนวรับหลัก) อาจเป็นจังหวะ หรือหากราคาลดลงต่ำกว่า 2,500 ดอลลาร์ก็เป็นโอกาส แนะนำให้ใช้วิธี Dollar-Cost Averaging แบ่งเงินลงทุนออกเป็น 4-6 ส่วน แล้วทยอยซื้อเมื่อราคาลง
ประเมินความเสี่ยง แม้ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยง ราคาอาจลดลง 10-15% ในภาวะปกติ หรือมากถึง 20-25% ในช่วงวิกฤต ตัวอย่างเช่น ลงทุน 100,000 บาท ควรเตรียมใจรับความผันผวนที่อาจทำให้มูลค่าลดเหลือ 75,000-90,000 บาท
ซื้อทองหรือไม่ ตัดสินใจแล้ว
ในปีนี้ ซื้อทองจึงเหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีนโยบายลงทุนระยะยาว และต้องการกระจายความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ต้องจำไว้ว่า:
ด้วยการพิจารณาอย่างสำเร็จรูป และการกระจายความเสี่ยงอย่างสมเหตุสมผล การลงทุนทองคำในปี 2568 นั้นเป็นทางเลือกที่สมควรพิจารณา