Options คืออะไร?
Options คือสัญญาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผู้ซื้อจ่ายเบี้ยประกันให้แก่สิทธิ์ที่ได้รับจากสัญญา
ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ option วันที่หมดอายุหรือไม่ และผู้ขายมีหน้าที่ต้องร่วมมือกับผู้ซื้อ
ประเภท
Options สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท: Call Options (Call) และ Put Options (Puts)
- Calls: Call Option ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือ (ผู้ซื้อ) ไม่มีข้อผูกมัดในการซื้อหลักทรัพย์อ้างอิงในราคาใช้สิทธิ์ในหรือก่อนวันหมดอายุ
- Puts: ตรงกันข้ามกับ Call Option ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือ (ผู้ขาย) ไม่มีข้อผูกมัดในการซื้อหลักทรัพย์อ้างอิงในราคาใช้สิทธิ์ในหรือก่อนวันหมดอายุ
จากสัญญาหมดอายุแตกต่างกัน Options สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท: European options และ American options
- สามารถใช้ American options ได้ในวันที่ซื้อไปจนถึงวันหมดอายุ
- European options แตกต่างจาก American options ตรงที่สามารถใช้สิทธิได้เมื่อสิ้นอายุขัยในวันหมดอายุเท่านั้น
คำศัพท์
-
Underlying Assets: สินทรัพย์สกุลเงินที่อิงตามOptions
-
Premium: ค่าธรรมเนียมที่ผู้ซื้อออปชั่นจ่ายให้กับผู้ขายสำหรับสิทธิ์ในการใช้ออปชั่นเมื่อหมดอายุ
ซื้อ Call/put Options Premium = ราคาสั่งซื้อ x ABS (จำนวนการสั่งซื้อ) x ตัวคูณสัญญา
-
Expiration Date: วันสุดท้ายที่สามารถใช้สัญญาออปชั่นได้ (วันที่ใช้สิทธิได้เฉพาะสำหรับออปชั่นยุโรป)
-
Strike Price: ราคาที่คุณสามารถซื้อหรือขายหุ้นอ้างอิงในวันที่หมดอายุ หรือที่เรียกว่าราคาใช้สิทธิ
-
Options Type: รวม Calls และ Puts
-
In-the-money Option (ITM) : Optionsที่มีมูลค่าที่แท้จริงและเดลต้าที่มากกว่า 0.50 สำหรับการโทร ราคาใช้สิทธิ์ของOptions ITM จะต่ำกว่าราคาปัจจุบันของราคาอ้างอิง สำหรับการวางเหนือราคาปัจจุบัน
-
At-the-money Option (ATM) : ออปชั่นที่มีราคาใช้สิทธิ์เท่ากับราคาซื้อขายอ้างอิง
-
Out-of-the-money Option (OTM) : ออปชั่นที่สร้างกระแสเงินสดติดลบหากใช้ทันที สำหรับการโทร ราคาใช้สิทธิ์ของOptions OTM จะสูงกว่าราคาปัจจุบันของราคาอ้างอิง สำหรับราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน
-
False Value Degree: เป็นการระบุขอบเขตที่ราคาออปชั่นเบี่ยงเบนไปจากราคาอ้างอิง ค่าของOptions ITM และ ATM คือ 0
Call Options: False Value Degree = MAX (0, Strike Price - Underlying Price) ใส่ Options: False Value Degree = MAX (0, Underlying Price - Strike Price)
การซื้อขาย Options
ในการซื้อขาย Options ผู้ซื้อและผู้ขายจะทำการตัดสินใจที่แตกต่างกันตามปัจจัยต่างๆ เช่น ด้านธุรกรรม ประเภท Options และตลาด

Options แตกต่างจาก Futures อย่างไร?
1. Margins
ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย Perpetual Futures ต้องจ่ายหลักประกันเริ่มต้นและตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเงินประกันรักษาสถานะ ในบัญชี
ในการซื้อขายออปชัน ผู้ซื้อ (ตำแหน่งระยะยาว) ไม่จำเป็นต้องจ่ายส่วนต่าง แต่ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยให้กับผู้ขาย หลังจากดำเนินการสั่งซื้อแล้ว ผู้ซื้อจะมีสิทธิ์ที่ได้รับจากออปชั่น และไม่จำเป็นต้องรักษาสถานะ และสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ออปชันหรือไม่ เพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของผู้ซื้อ ผู้ขาย (สถานะขาย) ของออปชั่นจำเป็นต้องจ่ายมาร์จิ้นและรักษาระดับมาร์จิ้นเพื่อให้แน่ใจว่ามีเงินเพียงพอในการปฏิบัติตามภาระผูกพันเมื่อออปชั่นหมดอายุ
2. Expiration Date
ฟิวเจอร์สถาวรไม่มีแนวคิดเรื่องวันหมดอายุ
Options นี้ใช้ได้เฉพาะในหรือก่อนวันหมดอายุเท่านั้น หลังจากวันหมดอายุ Options จะหมดอายุทันทีและถูกลบออกจากตำแหน่งซื้อขาย
3. Trading Side
ในการซื้อขายล่วงหน้ามี 2 ด้านคือ buy และ sell
ในการซื้อขายออปชั่นมี 4 ด้าน: buying call, selling call, buying put และ selling put
Optionsใน Gate
ปัจจุบัน Gate รองรับ BTC Options คุณสมบัติมีดังนี้:
- • European Options (ใช้สิทธิได้ในวันหมดอายุเท่านั้น)
- • การชำระเป็นเงินสด ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบสินทรัพย์อ้างอิง
- • การออกกำลังกายโดยอัตโนมัติเมื่อครบกำหนดโดยไม่มีการยืนยันด้วยตนเองจากผู้ถือ
รายละเอียดสัญญา

สัญลักษณ์ Options
เพื่อทำให้นิพจน์ง่ายขึ้น โดยปกติแล้วOptionsจะแสดงในรูปแบบของสัญลักษณ์ และรูปแบบรวมคือ: Market-Expiration Date-Strike Price-Type
- Market: ตลาดสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง
- Expiration Date: yyyyMMdd; เช่น 20220101 นั่นคือ 01 มกราคม 2022
- Strike Price: ราคาใช้สิทธิของออปชั่น ณ วันหมดอายุ
- Type: C หมายถึง call options P หมายถึง put options
ตัวอย่างเช่น: BTC_USDT-20220930-18500-C หมายความว่าOptions BTC จะหมดอายุในวันที่ 30 กันยายน 2022 ราคาใช้สิทธิ์คือ 18,500 USDT และเป็น call options
Gate ขอสงวนสิทธิ์ขั้นสุดท้ายในการตีความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
