Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
Dấu hiệu phân kỳ (Divergence) - Công cụ cần thiết cho các nhà giao dịch
Bearish divergence คือ อะไร และเกี่ยวข้องกับแนวโน้มลงราคาอย่างไร
Bearish divergence ในวงการเทรดหมายถึงภาวะที่ราคาตลาดขึ้นไปสูงกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง แต่สัญญาณจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค (ตัวบ่งชี้) กลับส่งสัญญาณลบหรือไม่แข็งแกร่ง ความขัดแย้งนี้เองสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มขาขึ้นนั้นอาจจะหมดแรงแล้ว และราคามีสัญญาณเตือนว่าอาจเกิดการปรับตัวลงครั้งใหญ่ได้
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ การเกิด Divergence นั้นไม่ได้หมายความว่าเครื่องมือวิเคราะห์ชี้วัดใช้ไม่ได้ แต่หมายความว่ามันกำลังสื่อสารข้อมูลแตกต่างออกไปจากสัญญาณปกติ จนเกิดเป็นความเป็นไปได้ของสถานการณ์ 4 แบบที่นักเทรดจำเป็นต้องรับรู้
จะรู้ได้อย่างไรว่าหักเหราคา (Divergence) กำลังเกิดขึ้น
สถานการณ์ที่ 1: ขาขึ้นแบบหลอก (Bullish Divergence)
เมื่อตลาดปรับตัวลงอย่างกำลังขนาด แต่อินดิเคเตอร์กลับไม่แสดงความเห็นพ้องต้องกัน อาจไม่เคลื่อนลงตามหรือเริ่มเคลื่อนขึ้น สถานการณ์นี้บ่งบอกว่าแนวโน้มลงนั้นกำลังอ่อนกำลังลง และราคาอาจพลิกตัวเป็นขาขึ้นได้
สถานการณ์ที่ 2: ขาลงแบบหลอก (Bearish Divergence)
เมื่อตลาดยังคงปรับตัวขึ้น แต่อินดิเคเตอร์ไม่ได้ส่งสัญญาณเดียวกัน เครื่องมือวิเคราะห์ไม่ไปขึ้นต่อหรือเริ่มลงมา ความขัดแย้งนี้บอกให้ทราบว่าแรงขาขึ้นกำลังหมดไป และการปรับตัวลงอาจกำลังมองหนา
สถานการณ์ที่ 3: ความต่อเนื่องแบบลับ (Hidden Bearish Divergence)
ราคาปรับตัวลงแล้ว แต่อินดิเคเตอร์ไม่ได้ชี้ไปยังความอ่อนแรง ตรงกันข้าม มันยังส่งสัญญาณแข็งแกร่งของแนวโน้มลง ภาวะนี้เบี่ยงบอกว่าการเคลื่อนที่ของราคาลงยังจะดำเนินต่อไป
สถานการณ์ที่ 4: ความต่อเนื่องแบบเร้นมา (Hidden Bullish Divergence)
ราคาปรับตัวลงแล้ว แต่อินดิเคเตอร์ไม่ได้ชี้ไปยังความอ่อนแรง ตรงกันข้าม มันส่งสัญญาณแข็งแกร่งของแนวโน้มขึ้น สถานการณ์นี้บ่งบอกว่ากำลังจะมีการเคลื่อนไหวตามแนวโน้มขาขึ้นต่อไป
เครื่องมือไหนใช้ดูหักเหราคา (Divergence) ได้ดี
นักเทรดส่วนใหญ่นิยมใช้เครื่องมือจากกลุ่ม Oscillator เพราะมันสามารถบ่งบอกความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวราคาได้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น
MACD เป็นเครื่องมือที่ผสมผสานเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้นเข้าด้วยกัน ถ้า MACD แสดงค่าบวกและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่ากำลังอยู่ในขาขึ้น ส่วนค่าลบและลดลงเรื่อย ๆ บ่งบอกการอยู่ในขาลง ความพัฒนา Divergence เกิดเมื่อราคาทำสูงสุดใหม่แต่ MACD ไม่ไปตามเอก
RSI หรือตัวบ่งชี้ความแรงของราคา มักใช้บอกภาวะซื้อมากเกินไป (มากกว่า 70) หรือขายมากเกินไป (น้อยกว่า 30) การเกิด Divergence ที่ RSI ไม่ยืนยองการเคลื่อนไหวของราคาในเขตเหล่านี้ก็คือตำแหน่งสังเกตการหักเหราคา
Williams %R ใช้หลักการเดียวกับ RSI เพื่อบ่งบอกภาวะซื้อและขายมากเกินไป ค่ามากกว่า 80 บ่งบอกซื้อมากเกินไป ค่าน้อยกว่า 20 บ่งบอกขายมากเกินไป การเกิด Divergence ในพื้นที่สองที่นี้ก็เป็นจุดเอาใจใส่ของนักเทรด
ความแตกต่างระหว่างสัญญาณธรรมชาติกับสัญญาณแฝง
นักเทรดควรจะบอกแยกได้ว่า Divergence แบบไหนทำให้แนวโน้มพลิกตัว และแบบไหนเพียงแค่บอกว่าแนวโน้มเดิมจะดำเนินต่อไป เพราะการจำแนกประเภทนี้สิ่งที่ตัดสินโชคชะตาการเทรดของคุณ
Regular Divergence - สัญญาณหลัก
Regular Divergence คือ สัญญาณขัดแย้งที่เกิดขึ้นชัดเจน เมื่อแนวโน้มทำจุดสูงขึ้นหรือต่ำลงต่อเนื่อง แต่อินดิเคเตอร์ไม่มาพิสูจน์ความแข็งแกร่ง ภาวะนี้บ่งบอกว่ามีโอกาสเกิดการกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal)
Bullish Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาตกต่อเนื่องสร้างจุดต่ำสุดใหม่ แต่อินดิเคเตอร์กลับไม่ลงตามหรือเริ่มขึ้น นี่แสดงว่าแรงลงกำลังหมดไป ราคาอาจจะกระเด็นขึ้นอย่างรุนแรง
Bearish Divergence คือ ภาวะที่ราคาขึ้นต่อเนื่องสร้างจุดสูงสุดใหม่ แต่อินดิเคเตอร์ไม่ตามขึ้นหรือเริ่มเว้าลง สิ่งนี้บ่งบอกว่าแรงขาขึ้นกำลังเหี่ยวแห้ง ราคาอาจจะหล่นลงมาหนักแนวในเร็ว ๆ นี้
วิธีเทรด Regular Divergence:
Hidden Divergence - สัญญาณแฝง
Hidden Divergence คือ ความขัดแย้งที่ปรากฏเมื่อราคาเหวี่ยงตัวโดยอ่อนแอ แต่อินดิเคเตอร์ไม่ได้ชี้ไปถึงการอ่อนแรงนั้น ตรงกันข้าม มันยังบอกว่าแนวโน้มเดิมยังมีแรง (Continuous Pattern)
Hidden Bullish Divergence เกิดเมื่อราคาเหวี่ยงขึ้นไม่แรง (สูงกว่าครั้งที่แล้ว) แต่อินดิเคเตอร์ยังส่งสัญญาณบอกว่าแนวโน้มลงยังเข้มแข็ง หมายความว่าราคาจะกลับมาวิ่งลงต่อเนื่องอีก
Hidden Bearish Divergence เกิดเมื่อราคาเหวี่ยงลงไม่แรง (ต่ำกว่าครั้งที่แล้ว) แต่อินดิเคเตอร์ยังเด่นชัด บ่งบอกแนวโน้มขาขึ้นยังไม่จบ ราคาจะกลับมาวิ่งขึ้นต่อไป
วิธีเทรด Hidden Divergence:
ตัวอย่างการเทรด Divergence จากตลาดจริง
กรณี Regular Bullish Divergence
ลองนึกภาพสถานการณ์ที่ราคาตกต่อเนื่องมา ทำจุดต่ำสุดใหม่ๆ และเข้าสู่เขต Oversold ที่ RSI ต่ำกว่า 30 แล้ว ลูกต่อมาราคาตกลงอีก ทำจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้ง แต่ RSI กลับไม่ลงถึงเขต Oversold เหมือนครั้งที่แล้ว จุดนี้เองคือสัญญาณ Bullish Divergence ที่บ่งบอกว่าแรงลงกำลังจบลง เมื่อแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อมา นักเทรดก็สามารถเข้าซื้อได้โดยตั้ง Stop Loss ไว้ใต้จุดต่ำสุด
กรณี Regular Bearish Divergence
ราคาขึ้นต่อเนื่องมา ทำจุดสูงสุดใหม่ๆ และเข้าเขต Overbought ที่ RSI สูงกว่า 70 แล้ว ลูกต่อมาราคาขึ้นอีก ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง แต่ RSI กลับไม่ขึ้นถึงเขต Overbought เหมือนครั้งที่แล้ว นี่คือสัญญาณ Bearish Divergence ที่บ่งบอกว่าแรงขาขึ้นกำลังจบลง เมื่อแท่งเทียนสีแดงปรากฏพร้อมรูปแบบ Shooting Star ต่อมา นักเทรดก็สามารถเข้าขายได้โดยตั้ง Stop Loss ไว้เหนือจุดสูงสุด
กรณี Hidden Bullish Divergence
ราคาค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นในโซนปกติของ RSI (30-70) ลูกสำหรับราคาแกว่งลงเล็กน้อยแล้วสร้างจุดต่ำที่ยกสูงขึ้น (Higher Low) แต่ RSI กลับสร้างจุดต่ำที่ต่ำลง (Lower Low) นี่คือ Hidden Bullish Divergence ที่บ่งบอกว่าแนวโน้มขาขึ้นยังจะดำเนินต่อไป เมื่อราคาเบรคตัวขึ้นไปเหนือกรอบบน นักเทรดก็เข้าซื้อตามแนวโน้มขึ้นเดิมได้
กรณี Hidden Bearish Divergence
ราคาค่อย ๆ ไต่ระดับลงในโซนปกติ ลูกสำหรับราคาแกว่งขึ้นเล็กน้อยแล้วสร้างจุดสูงที่ต่ำลง (Lower High) แต่ RSI กลับสร้างจุดสูงที่ยกสูงขึ้น (Higher High) นี่คือ Hidden Bearish Divergence ที่บ่งบอกว่าแนวโน้มขาลงยังดำเนินต่อไป เมื่อราคาเบรคลงไปเหนือกรอบล่าง นักเทรดก็ขายตามแนวโน้มลงเดิมได้
ข้อควรระวังที่สำคัญ
แม้ว่า Divergence เป็นเครื่องมือดี แต่มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ บางครั้งราคาก็อาจสร้าง Divergence หลายครั้งเลยก่อนที่จะเดินไปตามสัญญาณที่บ่งบอก ดังนั้นนักเทรดควรใช้ Divergence ร่วมกับ
เครื่องมืออื่น เช่น Support/Resistance หรือรูปแบบแท่งเทียน
นอกจากนี้ การตั้ง Stop Loss และ Take Profit ให้เหมาะสมนั้นสำคัญเสมอ บางแม้จะเห็น Divergence แต่ต้องตั้งจุดขาดทุนเพื่อปกป้องตัวเอง
สรุป
Divergence นั้นเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้นักเทรดเห็นจุดอ่อนของแนวโน้มปัจจุบัน หรือยืนยันว่าแนวโน้มนั้นยังจะดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็น Regular Divergence ที่บอกเรื่องการกลับตัว หรือ Hidden Divergence ที่บอกเรื่องการต่อเนื่อง หากนักเทรดเข้าใจและนำไปใช้ได้ถูกต้อง รวมกับการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม Divergence เพียงลำพัง ก็สามารถสร้างผลกำไรให้กับการเทรดของคุณได้อย่างติดต่อ
ลองเทรดกับบัญชีเดโม ฟรี $50,000 วันนี้เลย!ค่าคอมมิชชั่น 0 สเปรดต่ำ กราฟเรียล์ไทม์พร้อมตัวบ่งชี้มากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าใหม่ยังได้รับโบนัส $100 นักเทรดหลายคนประสบความสำเร็จด้วยเครื่องมือทั้งหมดที่นี่
ข้อเตือน: ตราสารอนุพันธ์อาจมีความเสี่ยงสูงและอาจทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านเอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ นำเสนอโดย Mitrade Holding Ltd. SIB License 1612446