Cổ phiếu bệnh viện năm 2568: Hướng dẫn lựa chọn và phân tích dành cho nhà đầu tư

ทำไมหุ้นโรงพยาบาลจึงน่าเป็นตัวเลือกในพอร์ตการลงทุน

การวางเงินทุนในธุรกิจโรงพยาบาลเป็นการเลือกที่ไม่ใช่เรื่องสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มีเหตุผล ประการแรก ธุรกิจการดูแลสุขภาพเป็นความต้องการของมนุษย์ที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะดีหรือร้ายเพียงใด ประชาชนก็ยังคงต้องใช้บริการทางการแพทย์ นี่ทำให้หุ้นกลุ่มนี้อยู่ในหมวดหมู่ Defensive Stock ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างคงที่แม้ในช่วงตลาดวุ่นวาย

ประการที่สอง หุ้นโรงพยาบาลมีโมเดลธุรกิจที่ให้ผลคืนทุนอย่างต่อเนื่อง เมื่อโครงสร้างพื้นฐานของโรงพยาบาลแล้วเสร็จ ส่วนใหญ่ของรายได้ที่ตามมาจะเป็นกำไรสุทธิ ต่างจากอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องมีการลงทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

การเลือกหุ้นโรงพยาบาล : ปัจจัยหลักในการตัดสินใจ

1. การแบ่งประเภทตามกลุ่มลูกค้า

หุ้นโรงพยาบาลสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก : กลุ่มแรกคือโรงพยาบาลที่มุ่งเป้าไปยังผู้ป่วยต่างชาติเป็นหลัก อาทิเช่น BH, BDMS, BCH ซึ่งมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าระหว่างประเทศสูงถึง 60-70% กลุ่มที่สองเป็นโรงพยาบาลที่เน้นบริการประชากรท้องถิ่น เช่น VIBHA, CHG, PR9, THG ที่มีรายได้หลักจากคนไทยและบริการประกันสังคม

การเข้าใจความแตกต่างนี้มีความสำคัญ เพราะหากเป็นโรงพยาบาลเชิงนานาชาติ นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในต่างประเทศ ในทางตรงกันข้าม โรงพยาบาลที่มุ่งเป้าท้องถิ่นจะได้รับผลกระทบจากนโยบายสาธารณสุขและอัตราการประกันสังคมของประเทศมากกว่า

2. ตัวชี้วัดทางการเงิน : PE และ ROE

ในการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในหุ้นโรงพยาบาล ตัวเลข P/E (ราคาต่อกำไร) และ ROE (ผลตอบแทนต่อส่วนทุนของผู้ถือหุ้น) เป็นเครื่องมือที่ไม่ควรมองข้าม

P/E ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่า หากต้องการซื้อรายได้ 1 บาท ของบริษัท ต้องจ่ายเงินเท่าไร ค่า P/E ที่ต่ำกว่าอาจบ่งชี้ว่าหุ้นถูกราคา แต่ต้องตรวจสอบว่าเป็นเพราะคุณภาพของบริษัท หรือเพราะตลาดมีความกังวลบางประการ

ROE บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการใช้เงินทุนของผู้ถือหุ้น ROE ที่สูง (ตั้งแต่ 15% ขึ้นไป) แสดงว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรจากเงินทุนที่ลงมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 7 โรงพยาบาล จะเห็นว่า BH มี ROE สูงสุดที่ 31.91% ซึ่งแสดงการจัดการเงินทุนที่ยอดเยี่ยม ขณะที่ VIBHA มี ROE ที่ 8.49% ค่อนข้างต่ำ ส่วน THG แม้มี ROE เป็นลบ (-6.91%) ซึ่งควรตั้งข้อสงสัย

3. กลยุทธ์การเติบโตของแต่ละสถาบัน

เมื่อศึกษาหุ้นโรงพยาบาล ต้องมองว่าสถาบันนั้นวางแผนเติบโตอย่างไร มีกลยุทธ์หลักอยู่สามแบบ

กลยุทธ์การควบรวมกิจการ : บางโรงพยาบาลเลือกเติบโตอย่างรวดเร็วโดยการเข้าซื้อสูญหรือควบรวมโรงพยาบาลอื่น BDMS เป็นตัวอย่างที่มีโรงพยาบาลในเครือที่กระจายตัวในหลายประเทศ รวมถึงพม่า มองโกเลีย และลาว วิธีนี้ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่อย่างรวดเร็ว แต่อาจมีความเสี่ยงในการบูรณาการการดำเนินงาน

กลยุทธ์การขยายสาขา : โรงพยาบาลอย่าง CHG และ PR9 เลือกการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยการเพิ่มจำนวนเตียงและสาขาใหม่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ วิธีนี้ช่อบต้องใจนักลงทุนที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยง แต่เติบโตจะช้ากว่า

กลยุทธ์การเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน : โรงพยาบาลบางแห่งสร้างความแข็งแกร่งในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือเน้นเฉพาะสาขาศัลยกรรม วิธีนี้ช่วยให้ได้เปรียบในการตั้งราคา

การเปรียบเทียบโรงพยาบาล 7 แห่งในปี 2568

ชื่อโรงพยาบาล ชื่อหุ้น Market Cap (ล้านบาท) ราคาปัจจุบัน (บาท) P/E (เท่า) ROE (%)
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ BH 139,110.29 183.00 18.34 31.91
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ BDMS 355,980.84 23.30 22.81 16.77
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล BCH 34,164.35 14.40 23.13 11.88
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ CHG 23,320.00 2.24 20.32 15.42
บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า PR9 16,984.08 21.30 24.47 13.57
บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี VIBHA 24,572.58 1.88 23.85 8.49
โรงพยาบาลธนบุรี THG 10,678.09 13.50 - -6.91

BH : ผู้นำในด้านประสิทธิภาพการจัดการทุน

หุ้น BH หรือบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีมูลค่าตลาด 139,110 ล้านบาท และเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่สถาปนามาตั้งแต่ปี 2527 ข้อดีที่เด่นชัดของบริษัทนี้คือ ROE ที่สูง 31.91% ซึ่งบ่งบอกว่า บริษัทใช้เงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่ม

รายได้ของ BH มาจากผู้ป่วยทั่วไป 66.52% และประกันสังคม 32.63% ซึ่งแสดงการกระจายความเสี่ยงที่ดี บริษัทมีแผนปรับราคาบริการเพื่อรองรับผู้ป่วยที่ซับซ้อนมากขึ้น พร้อมขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ตัวชี้วัด P/E ที่ 18.34 เท่าค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับ ROE ที่สูง

BDMS : ผู้บัญชาการขนาดใหญ่พร้อมเครือข่ายสากล

BDMS มีมูลค่าตลาดที่ใหญ่ที่สุด ถึง 355,980 ล้านบาท โดยมี Market Cap เป็นมากกว่า 2 เท่าของ BH บริษัทนี้มีโรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง รวมถึงการขยายตัวไปยังพม่าและมองโกเลีย

สัดส่วนรายได้ของ BDMS แสดงว่า ผู้ป่วยต่างชาติคิดเป็น 67% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าบริษัทนี้ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์อย่างมาก ROE ที่ 16.77% นั้นดีแต่ต่ำกว่า BH ตัวชี้วัด P/E ที่ 22.81 เท่าหมายถึงนักลงทุนต้องจ่ายราคาพอสมควรสำหรับการเติบโตที่คาดหวัง

BCH : โรงพยาบาลเชนที่มีกำลังการผลิตมากมาย

BCH มีฐานโรงพยาบาลถึง 15 แห่งและโพลีคลินิก 2 แห่ง ซึ่งกระจายตัวในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และสปป.ลาว บริษัทนี้ให้บริการตั้งแต่ระดับประถมไปถึงตติยภูมิ

สัดส่วนรายได้แสดงว่า ผู้ป่วยในประเทศมี 71% ของทั้งหมด ส่วนผู้ป่วยต่างชาติ 29% ROE ที่ 11.88% ค่อนข้างต่ำในกลุ่ม แต่ P/E ที่ 23.13 เท่านั้นค่อนข้างสูง สิ่งที่น่าสนใจคือนักวิเคราะห์หลายรายคาดว่า BCH จะมีกำไรเติบโตถึง 23% ในปี 2568

CHG : โอกาสการเติบโตในพื้นที่ใหญ่

CHG หรือโรงพยาบาลจุฬารัตน์มี Market Cap ที่ 23,320 ล้านบาท แม้ว่าจะน้อยกว่า BH เกือบ 6 เท่า แต่บริษัทนี้มีโครงสร้างต้นทุนที่ต่ำและการลงทุนจำนวนมากในพื้นที่ที่มีศักยภาพ

รายได้จาก CHG มาจากผู้ป่วยนอก 30.6% ผู้ป่วยใน 34.5% และโครงการสวัสดิการภาครัฐ 35% ซึ่งแสดงการพึ่งพาความสำคัญของสัญญาประกันสังคมที่มาก ROE ที่ 15.42% เป็นประมาณกลาง ส่วน P/E ที่ 20.32 เท่านั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล

PR9 : ศูนย์ท้องถิ่นของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์

PR9 ได้ตั้งตัวเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพสมบูรณ์ที่รับบริการทั้งจากไทย จีน พม่า ลาว และกัมพูชา บริษัทนี้มีการลงทุนที่สำคัญในเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น 9 CARE Platform

สัดส่วนรายได้ของ PR9 แสดงว่าผู้ป่วยนอก 59% และผู้ป่วยใน 41% ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ได้แก่ ผู้ที่ชำระเงินเองถึง 68% ส่วน ROE ที่ 13.57% และ P/E ที่ 24.47 เท่าค่อนข้างสูง แต่สะท้อนความคาดหวังของตลาดต่อการเติบโต

VIBHA : ศูนย์ท้องถิ่นที่มีศักยภาพในการปรับตัว

VIBHA เป็นกลุ่มโรงพยาบาลทั่วไปที่ให้บริการในพื้นที่หลายแห่ง ตัวเลข ROE ที่ 8.49% ค่อนข้างต่ำแสดงว่าบริษัทนี้อาจมีปัญหาในการจัดการทุน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเห็นว่ามีโอกาสในการปรับตัว โดยยูนตั้งเป้าราคาที่ 2.74 บาท

สัดส่วนรายได้ของ VIBHA แสดงความสมดุลระหว่างผู้ป่วยนอก (45%) และในรับ (55%) ด้วยที่ตั้งครบคลุมในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ

THG : ธุรกิจที่ท้อถอย

THG แสดงสัญญาณที่น่าวิตกกังวล โดยมี ROE เป็นลบ (-6.91%) และ Market Cap เพียง 10,678 ล้านบาท ตัวเลขกำไรติดลบ (-302.98 ล้านบาท) บ่งบอกว่าบริษัทกำลังเผชิญกับความท้อถอยอย่างมาก แม้ว่าราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นหลังจากชี้แจงข้อกล่าวหา แต่นักลงทุนควรระมัดระวัง

แนวทางปฏิบัติในการเลือกหุ้นโรงพยาบาล

ขั้นตอนที่ 1 : ศึกษารายละเอียดของสถาบัน

นักลงทุนต้องทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่ตนสนใจ ได้แก่ คุณภาพบริการทางการแพทย์ โครงสร้างต้นทุน จำนวนเตียง และนโยบายสาธารณสุขที่มีผลกระทบ

ขั้นตอนที่ 2 : วิเคราะห์รายงานการเงิน

ตรวจสอบงบประมาณรายรับและรายจ่าย อัตราส่วนทางการเงินเช่น P/E และ ROE รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของรายได้และกำไรในช่วงหลายปี

ขั้นตอนที่ 3 : เข้าใจโครงสร้างองค์กรและการบริหาร

บริษัทที่มีการบริหารจัดการชัดเจนและทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์จะมีสัญญาณที่ดีกว่า

ขั้นตอนที่ 4 : ติดตามข้อมูลราคาหุ้น

สำรวจแนวโน้มราคาหุ้นในอดีต ข่าวสารเกี่ยวกับโรงพยาบาล และปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้น

ขั้นตอนที่ 5 : ปรึกษานักวิเคราะห์

หากไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์หุ้น ลองขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในด้านทุน

สิ่งที่ทำให้หุ้นโรงพยาบาลเป็นตัวเลือกที่มีเสถียรภาพ

ประการแรก ความต้องการรับบริการทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากประชากรเพิ่ม และสังคมก้าวเข้าสู่ยุคผู้สูงวัย การเกิดโรคใหม่ๆ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ความต้องการรับบริการยังคงสูง

ประการที่สอง โรงพยาบาลเป็นธุรกิจ Defensive Stock ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำและมีรายได้ที่สม่ำเสมอ ในยามที่ตลาดหุ้นวุ่นวาย หุ้นโรงพยาบาลโดยทั่วไปจะร่วงน้อยกว่า

ประการที่สาม หุ้นโรงพยาบาลมักมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เนื่องจากสามารถคืนทุนได้อย่างรวดเร็ว และมีกระแสเงินสดที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ

สรุป

เมื่อพิจารณาหุ้นโรงพยาบาล 7 ตัวในปี 2568 แต่ละแห่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน หากนักลงทุนมองหาผลตอบแทนจากการจัดการทุนที่ดี BH ก็เป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณา หากต้องการการเติบโตขนาดใหญ่ BDMS อาจตอบโจทย์ได้ หากต้องการศักยภาพในการปรับตัวใหม่ VIBHA และ CHG อาจมีโอกาส

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานอย่างรอบคอบ ติดตามข้อมูลการเงินล่าสุด และเข้าใจกลยุทธ์การเติบโตของแต่ละสถาบัน การลงทุนในหุ้นโรงพยาบาลควรเป็นการตัดสินใจที่ยาวนาน และเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงและรายได้สม่ำเสมอในพอร์ตการลงทุน

BCH4.03%
Xem bản gốc
Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
  • Phần thưởng
  • Bình luận
  • Đăng lại
  • Retweed
Bình luận
0/400
Không có bình luận
  • Gate Fun hot

    Xem thêm
  • Vốn hóa:$3.5KNgười nắm giữ:1
    0.00%
  • Vốn hóa:$3.5KNgười nắm giữ:1
    0.00%
  • Vốn hóa:$3.49KNgười nắm giữ:1
    0.00%
  • Vốn hóa:$4.12KNgười nắm giữ:3
    2.91%
  • Vốn hóa:$3.49KNgười nắm giữ:1
    0.00%
  • Ghim